Monday, December 12, 2011

ทอดปลาส้ม

ปลาส้มอันนี้ไม่ได้ทำเองนะคะ แต่เพราะว่าไม่ได้อัพบล็อกนานมากเพราะว่าช่วงนี้กำลังลดน้ำหนักก่อนขึ้นชก เอ้ย..ก่อนที่จะกลับไทยเดือนมกรา ก็เลยเอามาให้เรียก
น้ำย่อย ปลาตะเพียนที่ออสเตรเลียก็มีอยู่เหมือนกันนะคะ ตัวนึงก็ไม่แพงมาก อยากจะลองซื้อมาทำปลาส้มอยู่เหมือนกัน เอาไว้ได้ฤกษ์เมื่อไหร่จะลองทำดูนะคะ ช่วงนี้
ก็ดูรูปนี้ไปแทนก่อนละกัน :) ปลาส้มชิ้นนี้ราคาไม่แพงค่ะ สองเหรียญกว่าๆ สำหรับใครที่อยู่แคนเบอร์ร่าลองไปหาซื้อที่ร้านออเรียนทัล (ร้านเวียดนาม) ได้นะคะ เราว่า
คุ้มกว่าซื้อมาทำเองอีกนะ

Monday, November 7, 2011

แกงเขียวหวานไก่ใส่ลูกชิ้นปลา - Chicken green curry with fish balls and bamboo shoots



แกงเขียวหวานนี่เป็นอะไรที่ตอนอยู่เมืองไทยแล้วไม่ค่อยโปรดเท่าไหร่นัก เพราะอาหารที่เมืองไทยนั้นมีให้เลือกทานหลายอย่าง ไม่ซ้ำ แต่พอมาอยู่เมืองนอกแล้วกลับนึกอยากกินขึ้นมาบ่อยๆ อาจจะเป็นเพราะอยู่ที่นี่อาหารไทยอร่อยๆ เป็นรสชาดไทยแท้ๆนั้นหาทานยาก อาจจะเป็นเพราะเรื่องส่วนประกอบต่างๆ ไม่สด จริงๆแล้วที่ออสเตรเลียนั้นมีร้านอาหารไทยเยอะมากกกก แต่ร้านอาหารทั่วไปก็มักจะทำให้ฝรั่งทานได้ บางเจ้าก็ใส่นม บางเจ้าก็ไม่ได้มีรสชาดความเผ็ดเอาซะเลย เราก็เลยนึกอยากทำแกงเขียวหวานแบบอร่อยๆ ที่แม่เคยทำให้กินตอนเด็กๆ แบบที่มีกะทิแตกมัน แล้วก็ถึงรสเครื่องแกง

มา มาดูขั้นตอนการทำแกงเขียวหวานชามนี้กันเถอะค่ะ

วัตถุดิบ
1. ไก่ จะเป็นเนื้อส่วนไหนก็แล้วแต่ชอบ แต่เราชอบน่องบน กับปีก ประมาณ 400 กรัม
2. หน่อไม้ ซื้อจากร้านเอเชีย ที่อยู่ในแพคแล้วเอามาผ่าครึ่ง หั่นเฉียง ประมาณ 250 กรัม
3. ลูกชิ้นปลา 1 แพค ประมาณ 250 กรัม
4. กะทิกล่องตราชาวเกาะ (หรือยี่ห้ออะไรก็ได้ที่หาได้ แต่เราชอบยี่ห้อนี้) ประมาณ 750ml
5. พริกแกงเขียวหวาน เราใช้แบบสำเร็จยี่ห้อแม่พลอย ประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ พูนๆ
6. น้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต๊ะ

พวกสมุนไพร
1. พริกสด สีแดง สีเขียว หั่นเฉียง 4-5 เม็ด
2. ใบมะกรูด 4-5 ใบ
3. ใบโหระพา ประมาณ 4-5 ก้าน

ปรุงรส
1. น้ำปลา
2. น้ำตาล

วิธีทำ
ให้นำกะทะใส่น้ำมันตั้งไฟปานกลาง นำพริกแกงมาผัด ระวังอย่าเปิดไฟแรงเพราะแทนที่พริกแกงจะเขียว หอม จะกลายเป็นไหม้ไปซะก่อน รอจนพริกแกงมีกลิ่นหอม จึงใส่กะทิลงไป กะทิกล่องที่เราใช้ ก่อนใช้เราเขย่าก่อน แต่ไม่ต้องมากนะเพราะว่าเราอยากได้หัวกะทิมาเคี่ยวกับพริกแกง

จากนั้นก็คนพริกแกงกับกะทิ  รอให้แตกมัน นั่นก็คือให้พริกแกงกับกะทิเดือดปุดๆ ไอ้วงเล็กๆ นั่นแหล่ะคือการแตกมันของกะทิ น้ำกะทิจะแห้งลงนิดหน่อย ใส่น่องไก่ลงไปผัดๆพอเป็นพิธี แล้วเติมน้ำกะทิที่เหลือลงไป ทีนี้เราจะเป็นแล้วว่ากะทิแตกมันก็คือส่วนของน้ำมันที่ลอยอยู่เหนือกะทินั่นเอง แกงของเราจะมีหน้าตาน่าทานและสีสันสวยงาม :D

จากนั้นก็รอให้น้ำแกงเดือด ปรุงรสด้วยน้ำตาล และน้ำปลา ให้ระวังอย่าใส่น้ำปลาเยอะเพราะตัวพริกแกงเขียวหวานจะออกเค็มหน่อยๆ อยู่แล้ว แล้วหน่อไม้บางทีก็ออกเปรี้ยว ให้ปรุงออกหวานนำ

จากนั้นใส่พริกสด ฉีกใบมะกรูด แล้วก็ใส่ใบโหระพา คนให้เข้ากัน แล้วปิดไฟ ยกลงจากเตา

Saturday, November 5, 2011

ผัดพริกแกงหน่อไม้ใส่ลูกชิ้นเนื้อ - Stir fried bamboo shoots and meat balls with red chilli paste and kafir lime leaves



1. หน่อไม้ หั่นเป็นชิ้นพอคำ ประมาณ 400 กรัม
2. ลูกชิ้นเนื้อ หั่นครึ่ง ประมาณ 5-6 ลูกหรือตามความชอบ เราใช้ประมาณครึ่งแพค
3. เนื้อหมู หั่นเป็นชิ้นบางๆ ไม่ต้องเยอะนะคะเดี๋ยวจะแย่งซีนลูกชิ้นเนื้อ
4. ใบมะกรูด 4-5 ใบใหญ่
5. พริกแกงแดง 1-2 ช้อนโต๊ะ
6. พริกสด แดง+เขียว หั่นเฉียง เพื่่อเพิ่มสีสัน
7. น้ำตาล
8. น้ำปลา
9. ซอสหอยนางรม
10. น้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ตั้งกะทะไฟปานกลาง ใส่น้ำมันพืชประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ แล้วตามด้วยพริกแกง ผัดพริกแกงให้หอม อย่าเปิดไฟแรงเพราะเดี๋ยวพริกแกงจะไหม้
2. น้ำเนื้อหมูลงไปคลุกกับพริกแกง ไม่ต้องนานมากนะคะเพราะเดี๋ยวเนื้อหมูจะแข็งไม่อร่อย จากนั้นตามด้วยลูกชิ้นเนื้อ แล้วก็หน่อไม้ คนให้เข้ากัน
3. ดูว่าถ้าแห้งไปให้เติมน้ำเปล่าลงไปนิดหน่อย
4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล และน้ำมันหอย ระวังอย่าให้หนักมือนะคะเพราะว่าพริกแกงนั้นจะเค็มอยู่แล้ว และบางครั้งหน่อไม้ก็จะออกเปรี้ยว ถ้าใส่เค็มมากแล้วจะแก้ยาก ยิ่งเติมน้ำตาลเข้าไปแล้วจะกลายเป็นเปรี้ยวหวานไปซะงั้น ให้ใส่ทีละน้อยแล้วก็ชิม ถ้าเค็ม ก็ใส่หวานตัด ถ้าหวาน ก็ใส่เค็มตัด งงไหมคะ อิอิ เอาเป็นว่าให้ชิมตามรสชาดที่ตัวเองชอบนั่นแหล่ะค่ะดีที่สุด
5. พอได้รสชาดที่ชื่นชอบก็ให้ฉีกใบมะกรูดใส่เข้าไป แล้วก็ตามด้วยพริกสด จากนั้นก็ปิดแก็สแล้วยกลงเตา

Sunday, October 16, 2011

แกงอ่อมไก่ใส่มะเขือ



แกงอ่อมนี่จัดว่าเป็นอาหารอีสานจานโปรดจานหนึ่งของเราเลยก็ว่าได้ เมื่อตอนอยู่เมืองไทยกินซื้อเจ้าประจำอยู่บ่อยๆ หรือไม่ก็มีแม่ทำให้ทาน แต่พอมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองแล้ว สาวไทยอย่างเราก็อดไม่ได้ที่จะต้องจัดหามาสนองความอยาก อิอิ จริงๆ แล้วแกงอ่อมไม่ได้ทำยากอย่างที่เราเคยคิดไว้เลย ส่วนประกอบก็มีไม่มาก จะว่าไปทำง่ายกว่าแกงเขียวหวานซะอีกนะ เอาล่ะมาดูกันว่าต้องเตรียมอะไรกันบ้าง

สูตรนี้สำหรับทำกินสองคนนะคะ
1. เนื้ัอไก่ จะเป็นเนื้ออก หรือจะเป็นไก่เป็นตัวแล้วหั่นเป็นชิ้นๆ ก็ได้แล้วแต่ชอบ ประมาณเกือบๆ ครึ่งโล
2. มะเขือเปราะ ประมาณ 400 กรัม
3. ต้นหอมกับผักชีลาว หั่นเป็นท่อนๆ ยาวประมาณ 1 นิ้ว
4. ข้าวคั่ว หรือจะเปลี่ยนเป็นข้าวเบือ (ข้าวเหนียวที่นำไปแช่น้ำแล้วเอามาตำๆ) ประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ

ส่วนของพริกแกงก็มี
1. เกลือ ประมาณครึ่งช้อนชา
2. ข่า หั่นออกมาประมาณ 1 นิ้วแล้วก็นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อนำไปโขลกเป็นพริกแกงต่อไป
3. ตะไคร้ 1 ต้น หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
4. พริกสดประมาณ 3-4 เม็ด ไม่ต้องเยอะ เพราะแกงอ่อมไม่เน้นเผ็ด
5. หอม 2-3 หัว กระเทียม 2-3 กลีบ
6. กะปิ ประมาณครึ่งช้อนชา

ส่วนของการปรุงรส
1. น้ำปลาร้า (แล้วแต่ความชอบเลยค่ะอันนี้ ทนได้มากน้อยแล้วแต่ศรัทธา อิอิ)
2. น้ำตาล ปลายช้อนชา ไว้ตัดกับรสเค็มเพื่อไม่ให้ออกมาเค็มโด่ๆ
3. น้ำปลา อันนี้กะเป็นปริมาตรไม่ได้นะคะ เอาไว้เติมตอนท้ายสุด ชอบเค็มมากเค็มน้อยก็จัดไปเลยค่ะ

วิธีทำ
1. นำส่วนของพริกแกงนั้นมาตำแบบหยาบๆ ตักใส่ถ้วยพักไว้ก่อน
2. ข้าวเหนียวที่แช่น้ำไว้ เอามาตำ แล้วแยกใส่ถ้วยไว้เช่นกัน
3. นำไก่ไปผสมกับพริกแกง ไปตั้งไฟปานกลาง ดูพอไก่เริ่มสุกบ้างก็ให้ใส่น้ำปลาร้าลงไป (ของเราเอาปลาร้ากระปุกนั่นแหล่ะมาผสมน้ำ แล้วกรองเอาเศษก้างออกไป เพราะว่ามันข้นเกิน) ขั้นตอนนี้เราเริ่มจะได้กลิ่นปลาร้าอบอวลไปทั้งบ้าน แนะนำว่าให้เปิดระบายอากาศเบอร์แรงสุดหรือไม่ก็เปิดประตูหน้าต่างสำหรับท่านๆ ที่คุณแฟนไม่ปลื้มกลิ่นปลาร้าซักเท่าไหร่ จากนั้นก็คนๆ ให้เข้ากัน
4. เติมน้ำเปล่าลงไป จะมากหรือน้อยแล้วแต่ว่าเราอยากให้แกงอ่อมนั้นเป็นแบบไหน  แบบมีน้ำบ้างพอขลุกขลิก หรือว่าแบบน้ำเยอะหน่อย  จากนั้นก็รอให้เดือดแล้วใส่มะเขือเปราะลงไป พูดถึงมะเขือ ขั้นตอนการเตรียม ตอนหั่นก็อย่าลืมตักน้ำใส่ถ้วยแล้วใส่เกลือลงไปหน่อยนะคะ แช่มะเขือลงไปในน้ำเกลือ มะเขือจะได้ไม่ดำ
5. ใส่ข้าวคั่วลงไป คนให้ทั่ว ชิมดูว่าได้รสชาดที่ต้องการหรือยัง ขาดเค็ม เติมน้ำปลา  ของเราใส่น้ำปลาลงไปแล้วก็ติดน้ำตาลปลายช้อนชา (นิดเดียวจริงๆ นะคะ) เพื่อที่จะให้แกงอ่อมนั้นออกมารสชาดไม่เค็มโด่ ให้มันกลมกล่อมเพราะแกงเราไม่ใส่ผงชูรส
6. ใส่ผักชีลาวและต้นหอมที่เตรียมไว้ เป็นอันเสร็จพิธี

ว่าด้วยเรื่องการทำอาหาร ในบล็อกนี้ไม่มีสูตรตายตัวนะคะ มีวิธีทำให้พอคร่าวๆ เพราะว่าการทำอาหารไทยนั้นมันขึ้นอยู่ว่าเราชอบรสชาดแบบไหน ชิม แล้วก็เติม จนกว่าจะได้รสชาดที่เราต้องการ 

Friday, October 14, 2011

Home-made Thai beef sausages ไส้กรอกเนื้อ



พอดีช่วงนี้ได้ของเล่นมาใหม่ก็เลยเพลินกับการทำไส้กรอกนะคะ คนที่อยู่ไกลบ้านถ้าอยากทำไส้กรอกทานก็ไม่ยากอย่างที่คิด ลองไปถามบุชเชอใกล้ๆ บ้านดูว่ามี Sausages skin ขายไหม มันจะมีแบบเป็นแพคๆ ที่ทำความสะอาดแล้วก็หมักใส่เกลือมาให้เรียบร้อยเวลาจะเอามาใช้ก็ให้เอามาแช่น้ำอุ่นประมาณครึ่ง ชม. จากนั้นเราก็จะมีไส้เอาไว้ทำไส้กรอกกินเองที่บ้าน ส่วนสูตรของไส้กรอกเนื้อก็จะเหมือนของไส้กรอกหมูทุกประการนะคะ ตามลิงค์อันเก่าๆ ไปได้เลยค่ะ

Saturday, September 24, 2011

Home made Thai sausages - ไส้กรอกหมู



เพื่อนๆ ที่อยู่ต่างแดนคงจะรู้กันดีว่าอาหารไทยในต่างประเทศนั้นราคาสูง เรียกว่าอยากจะกินอะไรขึ้นมาแต่ละทีต้องกัดฟันซื้อเลยทีเดียว โดยเฉพาะ พวกกุนเชียง ไส้กรอก หมูยอ หมูหยอง อะไรประมาณนี้ แพงใช้ได้เลยทีเดียว โดยเฉพาะที่แคนเบอร์ร่าไม่น่าจะต่ำกว่า 7 เหรียญแล้วก็ได้ไม่เยอะเท่าไหร่ด้วย 

วันนี้เราก็เลยอยากจะลองทำกินเองดูเผื่ออร่อยจะได้ทำกินเองได้วันหลังแล้วก็จะได้แจกเพื่อนๆ (ที่นี่) กินด้วย วิธีทำก็ง่ายๆตามนี้เลยจ้ะ

1. หมูสับ ประมาณ 500g (เราซื้อเอาเป็นแพค เพราะขี้เกียจมานั่งสับเองน่ะ มันหนาว) 
2. ข้าวสวย ที่เย็นแล้ว จะข้าวเจ้าหรือข้าวหนียวก็ได้ ประมาณ 1-2 ทัพพี จะใส่มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าอยากให้ไส้กรอกออกมาเปรี้ยวมาก เปรี้ยวน้อย
3. กระเทียม กับพริกไท ตำละเอียด(ใส่มากน้อยตามความชอบ)
4. เกลือ ประมาณครึ่งช้อนกาแฟ 
5. ไส้ (จะไส้เทียม หรือไส้จริงแล้วแต่จะจัดหามาได้ค่ะ) เราใช้เป็นไส้คอลลาเจน ที่แถมมากับชุดทำไส้อั่วของโลโบอ่ะเพราะยังไม่แน่ใจว่าจะหาไส้จริงได้จากที่ไหน เตือนก่อนนะว่าไส้ปลอมหาง่าย แต่ว่ารสชาดมันก็จะไม่แหล่มเท่าของจริงเค้า เพราะว่าไส้จริงๆ นั้นมันจะมันๆ ตอนย่างน้ำมันก็จะเยิ้มออกมานิดๆ รสชาดก็จะอร่อยกว่า
6. กรวย  ของเราเอาขวดน้ำอัดลมมาตัดตรงคอขวด ก็ใช้ได้ดีไม่มีปัญหา แต่พอเวลาตอนจะยัดไส้กรอกลงไปก็ต้องใช้ด้ามยาวๆ กลมๆ ช่วยให้ยัดได้เร็วขึ้น
7. ไม้จิ้มฟัน เอาไว้จิ้มๆ ตอนเรายัดไส้หมูสับลงไปเพื่อใล่ลมให้ออกไป
8. เชือก เพื่อที่จะมัดไส้กรอกให้เป็นข้อๆ 

วิธีทำ

เอาถ้วยหรืออะไรที่ใบใหญ่ๆ ใส่หมูสับ  ข้าวสวย กระเทียมพริกไทยตำ แล้วก็เกลือ ผสมให้เข้ากัน แล้วก็ชิม โดยการตักใส่ถ้วยแล้วก็เอาไปใส่ไมโครเวฟ ถ้ายังไม่เค็มก็ใส่เกลือเพิ่ม พอได้รสชาดที่ต้องการแล้วก็เอามายัดใส่ไส้ แล้วมัดเป็นข้อๆ  เอาไปตากแดด ประมาณ 1 วัน หรือทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องเพื่อให้ข้าวทำปฏิกิริยา (หรือเปรี้ยว) เสร็จแล้วก็เอามาทอด หรือย่าง ตามแต่ชอบจ้า

เสร็จแล้ว ง่ายไหม อิอิ

Wednesday, September 21, 2011

ส้มตำปูปลาร้า (ปลาร้าไม่มีใส่กะปิแทน)



เคยแปลกใจบ้างไหมว่าทำไมเราใช้เครื่องปรุงทุกอย่างเหมือนกับที่เค้าตำขายกัน แต่ทำไม๊..รสชาดถึงได้ต่างกันลิบลับ ยิ่งคนที่อยู่ไกลบ้านอย่างเรายิ่งไม่ต้องพูดถึง เครื่องปรุงนั้นก็หาที่เหมือนกับเมืองไทยของเราไม่ได้ เพราะฉะนั้นรสชาดก็อย่าไปหวังว่ามันจะออกมาใกล้เคียงกับตำบักหุ่งหน้าปากซอยเชียวละ

วันนี้เรามีเคล็ดลับมาบอกว่าตำส้มตำยังไงให้แซ่บ 
1. มะนาว เลือกที่สดๆ หยิกตรงเปลือกดูว่ามีกลิ่นหอมมะนาวหรือเปล่า ถ้าไม่หอม ไม่ต้องซื้อ แล้วเวลาบีบมะนาวให้บีบเอาแต่น้ำ ถ้าจะใส่เปลือกลงไปด้วยให้เฉือนลงไปได้นิดหน่อยเพราะจะช่วยให้หอมกลิ่นมะนาวมากขึ้นแต่ไม่ต้องมากเพราะเดี๋ยวจะขมเอาเปล่าๆ 

2. น้ำตาล จะเป็นน้ำตาลทรายแดงหรือน้ำตาลทรายขาวก็ได้แต่ขอให้ใส่ลงไปพร้อมกับตอนที่เราตำพริกกับกระเทียม เราเองไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมมันทำให้รสชาดต่างกันได้ลิบลับแต่ว่าเป็นเรื่องจริง เพราะเราสังเกตจากหลายๆ คนที่ตำส้มตำอร่อยแล้ว มักจะทำกันแบบนี้

3. หาเพื่อนกินด้วย เพราะกินคนเดียวยังไงก็สู้แซ่บเป็นหมู่คณะไม่ได้หรอกจ้า :P

Monday, September 5, 2011

Blueberry yogurt mousse


ขออนุญาตมาเพิ่มสูตรทีหลังนะจ๊ะ

Saturday, September 3, 2011

ขนมจีนน้ำยาตีนไก่

วันนี้เกิดครึ้มอกครึ้มใจอยากกินน้ำยาตีนไก่ขึ้นมา เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่าไปกินที่บ้านเพื่อนแล้วเกิดติดใจทีนี้ก็เลยต้องหามากินให้ได้ ทีนี้ครัวบ้านนอกอย่างเรา (เอ้ย เมืองนอก) ก็ต้องว่ากันไปตามมีตามเกิด ว่าอะไรมีขายบ้าง  สรุปแล้วก็ได้ออกมาหน้าตาเป็นอย่างงี้ รสชาดก็ไม่ได้เลวร้าย พอกล้อมแกล้มได้สำหรับคนอยู่ต่างแดนอย่างเรา

มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
1. ตีนไก่ ประมาณครึ่งโล (หรือจัดไปตามความอยาก อิอิ)
2. กะทิ จะกระป๋องหรือว่าใครมีปัญญาหากะทิสดก็แล้วแต่สะดวก ประมาณ 1 ลิตร หรือ 2 กระป๋อง ของเราใช้เป็นกะทิกล่องตราชาวเกาะนะ เพราะไม่ชอบแบบกระป๋องมันเข้มไปแถมไม่แตกมันอีกต่างหาก
3. พริกแห้ง ประมาณ 20 เม็ด หรือแล้วแต่ชอบเผ็ดมากเผ็ดน้อย
4. กระชาย ประมาณ 3-4 หัว
5. หอมแดง 5-6 หัว
6. กระเทียม ประมาณ 3-4 กลีบ ก็โยนๆ ใส่เข้าไปนั่นแหละ
7. ใบมะกรูด ประมาณสองใบ
8. เนื้อปลา พอประมาณ ไม่ต้องมากเดี๋ยวน้ำจะเข้มข้นเกิน หรือจะทูน่ากระป๋องก็ได้ เอาไว้โขลกใส่ลงไป

ส่วนวิธีทำก็ง่ายๆ เลยจ้ะ
1. เอาตีนไก่ไปต้มให้สุก ล้างให้สะอาด พักใส่จานไว้
2. จากนั้นต้มน้ำประมาณนึง พอน้ำเดือดก็ใส่ พริกแห้ง  หอมแดง กระเทียม  กระชาย ปลาสด(ถ้ามี) ลงไป ดูว่าทุกอย่างสุกแล้ว ก็เอามาพักในตะแกรงให้สะเด็ดน้ำ
3. นำพวกเครื่องแกงมาโขลกรวมกัน  ไม่ต้องละเอียดมากเดี๋ยวตอนกินจะเคี้ยวไปไม่เจออะไร อิอิ
3. จากนั้นก็เอาเนื้อปลามาโขลกให้ขึ้นฟู ใส่ถ้วยไว้
4. เอากะทิ(ไม่ต้องทั้งหมด เอาแค่ 1 ใน 3 ส่วน) ไปตั้งไฟ พอเดือดแล้วก็เอาพริกแกงที่โขลกไว้ใส่ลงไป จากนั้นก็รอให้กะทิแตกมันสักครู่ ตามลงไปด้วยเนื้อปลาที่โขลกไว้
5. ตีนไก่ ใส่ลงไปในหม้อ ตามด้วยกะทิที่เหลือ
6. ปรุงรสตามใจชอบ ก็คือใส่น้ำปลา แล้วก็น้ำตาล ชิมให้ได้รสที่ชอบ เสร็จแล้วก็ใส่ใบมะกรูดลงไปเป็นอันเสร็จพิธี

ทีนี้เราก็มีตีนเป็นของตัวเองแล้ว จัดไปตามกำลังไม่ว่าจะเป็น ถั่วงอก ถั่วฝักยาว สะระแหน่ ผักชีลาว โหระพา ผักกาดดอง ฯลฯ เป็นอันว่าแซ่บนัว อิอิ อ้อ อย่าไปตกใจถ้าสีสันมันดูไม่สวยงามตอนเสร็จใหม่ๆ คอนเฟิร์มว่าถ้าเอาน้ำยามาอุ่นข้ามคืนแล้วรับรอง หน้าตาเป็นแบบนี้เลยจ้ะ

Tuesday, March 22, 2011

Tofu pastries

 
Ingredients:

150 g firm tofu
2 spring onions, chopped
3 teaspoons chopped coriander leaves
1/2 teaspoon grated orange zest
2 teaspoons soy sauce
1 tablespoon sweet chilli sauce
2 teaspoons grated fresh ginger
2 teaspoon cornflour
2 sheets ready-rolled puff pastry
1 egg, lightly beaten

Method
1. Drain the tofu, then pat dry and cut into small cubes. Put the spring onion, coriander, zest, soy and sweet chilli sauces, ginger, corn flour and tofu in a bowl and mix. Cover and refrigerate for an hour

2. Preheat the oven to 220 C. Cut each pastry sheet into 4 squares. Drain the filling and divide into eight. Place one portion in the centre of each square and brush the edges with egg. Fold into a triangle and seal the edge with a fork.

3. Put the triangles on two lined baking trays, brush with beaten egg and bake for 15 minutes.

Saturday, March 5, 2011

Spicy Green Papaya and Seafood Salad


Ingredients

3-4 chillies, to taste
1 garlic cloves, peeled
6 cherry tomatoes, halved
3 tablespoons fish sauce
3 tablespoons lime juice
1 teaspoon tamarind water
3-4 tablespoons brown sugar (or shredded palm sugar), to taste
1 cup shredded green papaya (paw paw)
4 medium-sized cooked prawns, peeled
4 cooked octopus, halved
4 fish balls, halved
4-5 long coriander leaves, coarsely chopped
2 table spoons roasted peanuts, coarsely chopped

Optional
Sliced pickled mustard greens
Trimmed bean sprouts
100 g boiled rice vermicelli

Using a pestle and mortar, pound the chilli and garlic to a coarse paste. Add shredded papaya (paw paw), cherry tomatoes, lime juice, tamarind water, fish sauce and brown sugar to the mortar and lightly bruise with the pestle and use a spoon with your other hand to fold the mixture ( It should taste spicy, sour, salty and sweet). Finally, add long coriander, prawns, octopus, fish balls, pickled mustard, bean sprouts and rice vermicelli and carefully work everything together.

Monday, January 17, 2011

Garlic and Pepper Pork with rice (ข้าวหมูทอดกระเทียมพริกไทย)


Garlic and Pepper Pork
(Moo Tod Kra-tiem Prik-tai)

Ingredients

1/2 cup pork, cut into 1 cm strips
1 tbsp. or 3-4 garlic cloves, crushed
1 tsp black pepper, crushed
2 tbsp vegetable oil
1 tbsp oyster sauce
1 tsp fish sauce
1/4 tsp sugar or to taste

To garnish:
1-3 sprigs coriander/Cilantro
1 tsp fried garlic
1 pinch black pepper

Cooking Instructions

Heat a wok over medium heat, add the oil and garlic. Stir-fry until the garlic is about
to turn gold (make sure it doesn't burn) then remove from the wok and set aside.

In the same wok, add pork and cook about 3-4 minutes make sure the pork is cooked then quickly add crushed pepper, fish sauce, oyster sauce, sugar and fried garlic. Mix well and serve with steamed rice or turmeric rice with chilli sauce (your choice)

Friday, January 14, 2011

Home-made Paneer/ Cottage Cheese

มาทำชีสทานเองกันเถอค่ะ

เรื่องของเรื่องก็คือ จขบ. มีนมใกล้หมดอายุอยู่เกือบสองลิตร จะดื่มก็ไม่ทันแล้ว ก็เลยคิดหาวิธีเล่นแร่แปรธาตุ คือไม่อยากให้ท้องทิ้งไปเปล่าๆ เสียดายอ่ะ
ก็เลยนึกได้ขึ้นมาว่าลองทำพะเนีย (Paneer) ดูดีกว่า หลายคงอาจจะไม่รู้ว่าพะเนียคืออะไร ส่วนใหญ่คนที่ทานอินเดียจะรู้ว่าพะเนียก็คือชีสชนิดหนึ่งที่ชาว
อินเดียนำมาทำอาหารหลายๆ อย่าง ส่วนวิธีทำนั้น ง่ายอย่างเหลือเชื่อเลยล่ะค่ะ

สิ่งที่ต้องเตรียม
- นมสด 1 ลิตร
- น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
- ผ้าขาวบาง

1. ต้มนมให้เดือด แล้วก็เทน้ำมะนาวลงไป จะเห็นว่านมเริ่มจับตัวกันเป็นก้อนขึ้นทันที จากนั้นให้ปิดไฟ เอาตะแกรงมากรองเอาส่วนที่เป็นน้ำออกไป เอาเนื้อชีสที่ได้มาใส่ผ้าขาวบางแล้วใช้ยางมัดเอาไว้
2. หาของอะไรหนักๆ มาทับเพื่อที่จะทำให้ชีสจับตัวกันเป็นก้อนแข็ง อยากให้เนื้อแน่นมากเท่าไหร่ให้ทับ
เอาไว้นานเท่านั้น  แต่จขบ.ทิ้งไว้แค่ประมาณ สี่สิบห้านาที จากนั้นก็เอาชีสที่ได้มาตัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมลูกเต๋า  กลายเป็นชีสพะเนียในทันใด

เบสิค สกอน

ห่อหมกหน่อไม้

 

ห่อหมกหน่อไม้ใส่ไก่ 
           วันนี้เกิดครึ้มอกครึ้มใจอยากกินห่อหมกขึ้นมา  ก็เลยจัดแจงโทรไปถามสูตรจากแม่ดู เพราะว่านานแล้วที่ไม่ได้กินห่อหมกเจ้าโปรด  ห่อหมกสูตรนี้เป็นสูตรของเจ้าตลาดนัดที่เราชอบและเคยไปซื้อมากินบ่อยๆ  (แต่ไม่เคยทำกินเอง) ไม่รู้เหมือนกันว่าต้นตำรับมาจากไหน เพราะคิดเอาเองว่าถ้าเป็นอีสานแท้ มันต้องไม่มีกะทิ ถ้างั้น จขบ.คงต้องขออนุญาติเรียกเจ้าอาหารจานนี้ว่า "ห่อหมกลูกครึ่ง" ไทย-อิสาน ก็แล้วกัน ส่วนเครื่องปรุงหาได้ไม่ยากจนเกินไปค่ะ  แนะนำว่าการปรุงรสนั้นต้องให้ชิมดูเรื่อยๆ อย่าให้หนักมือเพราะไม่งั้นจะแก้ยาก เผลอๆเสียของอีก มาดูกันค่ะว่าทำกันอย่างไร

สิ่งที่ต้องเตรียมมีดังต่อไปนี้
- หน่อไม้เป็นแท่งๆ ขนาดปานกลาง ประมาณ 4-5 หน่อ(ใช้หน่อไม้ใบย่านางที่ขายในขวดโหลก็ได้นะคะ)
- น้ำใบย่านาง
- กะทิ
- เนื้อไก่ 
- ใบโหระพา
- น้ำปลา
- น้ำปลาร้า (นิดหน่อย)
- น้ำตาล (ใส่นิดหน่อยเพื่อตัดความเค็ม)
- แป้งข้าวเหนียว
- พริกแกงแดง

วิธีทำ
- เอาหน่อไม้มา ใช้ช้อนส้อม ขูดให้เป็นเส้นๆ ฝอยมากฝอยน้อยแล้วแต่ชอบ จากนั้นก็เอาไปใส่หม้อต้มให้จืด ให้ดมดูด้วยว่าหน่อไม้ที่ซื้อมามีกลิ่นแรงหรือเปล่า  ถ้ากลิ่นแรงให้ต้มจนกว่ากลิ่นจะหายไปค่ะ  ต้มเสร็จก็ให้บีบเอาน้ำออก  แล้วก็เอามาแช่น้ำใบย่านางทิ้งไว้ซักพัก

- เอาแป้งข้าวเหนียวมาละลายน้ำเตรียมไว้ค่ะ ชอบให้ห่อหมกข้นมากก็ใส่มาก ข้นน้อยใส่น้อย

- เอากะทิ (ส่วนหัว) มาใส่กะทะ  แล้วก็ใส่พริกแกงลงไป  ผัดให้เข้ากัน พอกลิ่นหอมแล้วก็เอาไก่ลงมาผัด พอใกล้จะสุกแล้วก็ให้เอาหน่อไม้ใส่ลงไปคนต่ออีกนิด ใส่น้ำใบย่านางลงไปด้วยซักประมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะนะคะสีจะได้สวยๆ

- ใส่น้ำปลา  น้ำปลาร้า น้ำตาล (จะใส่ก็ได้ไม่ใส่ก็ได้) อย่าให้หนักมือนะคะเพราะเดี๋ยวจะเค็มแล้วแก้ไขไม่ได้  ชิมดูให้ได้รสชาดแบบที่ชอบจากนั้นก็ให้เอาแป้งข้าวเหนียวที่ละลายน้ำไว้ลงมาคนให้เข้ากัน ชอบแบบข้นๆ ก็ใส่มากหน่อย ปิดแก๊สแล้วเอาใบโหระพามาคนใส่ เป็นอันเสร็จค่ะ

Friday, January 7, 2011

Spicy Fragrant Chickpeas (Chole)


Ingredients
- 200 g (1 cup) dried chickpeas, soaked in water for 5 hours; or 1 tin canned chickpeas, rinsed.
- 1 to 2 tablespoons oil
- 2 tablespooons ghee or oil
- 1 teaspoon cumin seeds
- 2 bay leaves
- 1 large onion, thinly sliced
- 2 large ripe tomatoes, thinly sliced
- 2 tablespoons coriander powder
- 1 tablespoon cumin powder
- 2 tablespoons chilli powder (or to taste)
- 1 teaspoon turmeric powder
- 2 teaspoons garam masala
- 1 1/2 teaspoons salt
- 375ml (1 1/2 cups) water
- 1 1/2 tablespoons freshly squeezed lime or lemon juice
- 1 or 2 bay leaves

Garnishing
- 1 tablespoon finely cut ginger strips
- 2 tablespoons chopped coriander leaves

Preparation
1. Place the soaked chickpeas in a pan and add sufficient water to cover. Bring to a boil, and cook until the chickpeas are tender, about 30 minutes. Drain and set aside. (If using canned chickpeas, use straight from the can after rinsing.)

2. Heat the ghee or oil in a wok over medium heat. Add the cumin seeds and bay leaves and stir-fry until aromatic. Add the onion slices and stir-fry over low heat until the onion turns golden brown, about 5 minutes.

3. Add the tomatoes, coriander, cumin, chilli and turmeric powders, garam masala and salt, and stir-fry over very low heat until the oil separates.

4. Add the chickpeas, and the water. Bring to a boil and cook for 5 minutes. Remove from the heat.

5. Stir in the lime juice, strips of ginger and coriander leaves before serving.
Posted by Picasa

Thursday, January 6, 2011

Crisp Tofu cooked in tomato-pepper sauce (dau hu sot ca)

Crisp Tofu cooked in tomato-pepper sauce (dau hu sot ca) - I watched Luke Nguyen make this on TV last night. Jeremy wanted it so I made it for him :D very easy and delicious. Here's the link for the recipe
http://www.sbs.com.au/shows/lukenguyen/recipes/detail/recipe/11052